วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คำกลอนของสาวเครือฟ้า

สาวเครือฟ้า
น่าสงสารสาวงามนามเครือฟ้า
เสน่หาพาให้ใจโศกศัลย์
ทุกข์ระทมขมขึ้นฝืนจาบัลย์
ตราบสูญสิ้นชีวันมั่นรักเดียว

เป็นตำนานรักรัดทดกำสรดสรวล
นางคร่ำครวญเพราะใจไม่เฉลียว
ดวงฤทัยมั่นในรักภักดิ์ชายเดียว
เขามิเหลียวแลมองหมองใจตรม

คุณนายร้อยบางกอกหลอกลวงรัก
จึงประจักษ์รักซ้อนซ่อนขื่นขม
พบสาวงามเครือฟ้าน่าภิรมย์
ได้เชยชมสมฤทัยไม่นำพา

อุธาหรณ์สอนใจให้สาวเหนือ
อย่าหลงเชื่อชายเจ้าชู้อู้ "จ๊ะจ๋า"
เดี๋ยวจะช้ำชอกจินต์รินน้ำตา
เช่นเครือฟ้าลาตายพ่ายรักลวง






กลอนกวนๆๆ

อันแม่ยิงปากนักชักรมขึ้น
แป๋งปากบึนเหลือแมงวอกบ่ะดีกิ๋น
แป๋งหน้าสวกแป๋งตาโม้กม้อกไก่บิน
เตวตูดบิดตูดบิ้นม้อกแมงจอน

เฮาม้อกเตวอยู่บ่ะดายมาแซวใส่
ไข้เตวไปยุ๊บขี้ข้างซักกำน้อ
กำว่าเงี้ยuบ่ะแซวเฮาตึงรอ
บ่ะต้องยอเสียเวลามันยะได

นี้แห่มรายน่าฮักต๋ายมาควายใส่
ไข้นอนไฮ้ขำเตียงซักกำก้า
เปิ้ลแซวใส่ มาอั้นอี้ วอกแต๊นา
ไข้หั๋นกาคลิปช่างไฟเดียวหื้อดู

บ่ะจ้างว่างามแต๊กามานั่งอ่อย
แป๋งหน้าลอยแป๋งต๋าฮิ้นม้อกหี๋หนู
นั่งเฮี๋ยแจ๊งอย่างจิ๊กุ่งบ่ะมี๋ฮู
กั๋วไผ๋ฮู้ว่าตั๋วเก่า เต่วในยาน





กลอนสุภาษิตม่วนๆ
สิบ ปี อาบน้ำบ่ฮู้หนาว

ซาว ปี แอ่วสาวบ่ก้าย

สามสิบ ปี บ่หน่ายสังขาร

สี่สิบ ปี ยะก๋านเหมือนฟ้าผ่า

ห้าสิบ ปี สาวน้อยด่าบ่เจ็บใจ๋

หกสิบ ปี ไอเหมือนฟานโขก

เจ็ดสิบ ปี บ่าโหกเต๋มตั๋ว

แปดสิบ ปี ไขหัวเหมือนไห้

เก้าสิบ ปี พ้องไขอยู่พ้องไขต๋าย

( ปล.นี้หรอชีวิตคนเรา)

(ถ้าคนเหนือไม่แท้อ่านไม่รู้เรื่องหรอก)





ทดสอบความรักกัน
ทดสอบ...ความรัก...ของตัวเอง

ทดสอบความเซ็กซี่ << ถ้าโกงขอให้ไม่เปนความจิง >>



เอากระดาษมาแผ่นนึงแล้วเขียน1-10

(ห้ามโกงเด็ดขาด)



1. คุณมีผมสีเข้มหรือสีอ่อน

2. ถ้าเกิดได้ไปเดท คุณจะเลือกไปกินข้าว2ต่อ2 หรือไปปาร์ตี้

3. สีโปรดของคุณคืออะไร ระหว่าง ชมพู, เหลือง, ฟ้าอ่อน , หรือ เขียวน้ำทะเล

4. กิจกรรมที่คุณโปรดปรานมากที่สุดระหว่าง โต้คลื่น , เสก็ต , หรือ สกี

5. ถ้าจะเลือกท่าเรือระหว่าง อู่เรือรบเก่า , อู่แปซิฟิค หรือ อู่วิคตอเรีย ซีเคร็ต คุณจะเลือก



อันไหน

6. รัฐที่คุณชอบที่สุดคือรัฐใดระหว่าง แคลิฟอร์เนีย , ฟลอริดา , หรือ โอไฮโอ

7. ในฤดูร้อนคุณจะไป ทะเล หรือ จะไปที่ๆเย็นกว่านี้

8. เกิดเดือนอะไร

9. คุณจะนั่งอืดอยู่ที่บ้านหรือ ออกไปเที่ยวกับเพื่อน

10. ชื่อคนที่เป็นเพศตรงข้ามกับคุณ

---=====อธิษฐาน=====---



*คำตอบ*



1. สีเข้ม-เซ็กซี่ ~ สีอ่อน-หวาน น่ารัก

2. ไปกินข้าว2ต่อ2-โรแมนติค ~ ไปปาร์ตี้-ขี้เล่น

3. ชมพู-น่ารัก ~ เหลือง-ชอบเสียงดัง ~ ฟ้าอ่อน-ใจเย็น ~ เขียวน้ำทะเล-แข็งแกร่ง

4. โต้คลื่น-ว่องไว คล่องแคล่ว ~ เสก็ต-เด็ดเดี่ยว ~ สกี-กล้าหาญ

5. อู่เรือรบเก่า-น่ากลัว ~ อู่แปซิฟิค-สนุกสนาน ~ อู่วิคตอเรีย ซีเคร็ต-เซ็กซี่

6. แคลิฟอร์เนีย - คุณชอบอยู่กับคนมากๆ ~ ฟลอริดา-ปาร์ตี้ในความร้อน ~ โอไฮโอ-

เงียบ เย็น

7. ทะเล-ผิวสีแทน ชอบพระอาทิตย์ ~ ที่ๆเย็นกว่านี้-ผิวสีอ่อน และ หัวโบราน

8. มกราคม-โด่งดัง ~ กุมภาพันธ์-น่ารัก ~ มีนาคม-เสียงดัง ~ เมษายน-ขี้เล่น

พฤษภาคม-ใจเย็นมาก ~ มิถุนายน-อารมณ์ดี ~ กรกฎาคม-เรียบง่าย ~ สิงหาคม- สนุก

สนาน ~ กันยายน-เงียบ ~ ตุลาคม-กล้าแสดงออก ~ พฤศจิกายน-ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น

(ทั้งทางดีและไม่ดี) ~ ธันวาคม-อบอุ่น

9. อืดอยู่บ้าน-น่าเบื่อ ~ ไปเที่ยวกับเพื่อน-บ้าๆบอๆ

10. คนนั้นจะตกหลุมรักคุณ!!!!!

ถ้าคุณโฟสกระทู้นี้ไปเวปอื่น:




กลอนนุๆๆรออ่นดูเจ้า


ตั้งเต๊าเฮาฮู้จักกั๋น
เพิ่มความสำคัญวันล่ะน้อย
กะเกิดความฮักที่เคยปิดไว้ได้ปลดปล่อย
แล้วก็ก่อยๆขยายเป๋นความผูกพัน

อ้ายดีใจ๋ตี๋ได้ฮู้จักน้องสาว
ถึงแม้ระยะทางวันเวลาของเฮาจะต่างกั๋น
ยังกึดเติงหาเสมอแม้ได้อู้กั๋นเพียงเวลาสั้นๆ
บ่ฮู้ว่าเมื่อไรนั้นเฮาจะเจอกั๋นสักที

น้องสาวกะจากไปตั้งเมิน
บ่ฮู้ว่าความห่างเหินจะลืมกั๋นก่อตอนนี้
ผ่อปฎิทินนับวันเวลาเดือนปี๋
อยากฮื้อน้องสาวคนดีปิ๊กมาบ้านเฮา

ความฮู้สึกนี้อ้ายจะเก็บไว้อย่างดี
ถึงแม้อ้ายจะต้องมีเวลาเหงาๆ
ถ้ากึดเติงหาอ้ายจะแหงนฟ้าผ่อดาว
ขอหื้อน้องสาวมั่นใจ๋ได้เลย




..น้องเป๋น..สาวเหนือ
..สูงเหลือ..ลิบลิ่ว
..ลมเหนือ..พัดปลิว
..ลอยลิ่ว..บนดอย

..พี่เป๋น..หนุ่มเลย
..ยังเกย..เฝ้าคอย
..อยากเห็น..ดาวน้อย
..ล่องลอย..ลงมา

..รอน้อง..เอื้อเฟื้อ
..ล้นเหลือ..เวลา
..จะได้..เห็นหน้า
..บอกว่า..กึดเติง.

 โอว์ ว๊าว..................
โอว์ ว๊าว...
 



อะหยังปะล้ำอู้กำว่าฮัก ฮักแต๊ๆ กา
กั๋วเปิ้นมาจุ๊เฮาเล่นนา บอกกำเปิดเผย
น้องเป๋นสาวบ้านนอกคอกนาบ่อเกย
ฮักไผคนใดมาก่อนเลยว่าจะอั้น

แป๋งกำหวานอู้เป่าหูน้องตึงวัน
หากใจ๋อ้ายหมั้นเตี่ยงแต๊ตึงดี
ยกขันหมากมาขอน้องจากพ่อน้องที
น้องเป็นสาวจี๋กั๋วจะเคิ้นขึ้นคานนานไป

กลอนคำเมืองแต๊ๆ  อ่านฮู้เรื่องก่อเจ้า  เหอๆๆ

 หัวเราะยิ้มๆ หัวเราะยิ้มๆ หัวเราะยิ้มๆ






วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ประวัติสาวเครือฟ้า4

บทละครร้อง..สาวเครือฟ้า
เขียนโดย ภาษาสยาม   
.
ที่มา                          วรรณกรรมเรื่องนี้มีที่มาจากละครอุปรากร  เรื่องมาดามบัตเตอร์ฟลาย 

                                 โดยที่อุปรากรเรื่องนี้ก็มีที่มาจากนวนิยายฝรั่งเรื่องหนึ่งอีกต่อหนึ่ง 

                                  แล้วผู้แต่งก็นำมาดัดแปลงให้เข้ากับเนื้อเรื่องอย่างไทย

ผู้แต่ง                       พระเจ้าบรมวงศ์เธอ  กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์

ลักษณะการแต่ง     บทละครร้องสลับการพูด  คือมีทั้งการร้องและพูดสลับกันไป 

                                 โดยมีการร้องเป็นหลัก
เนื้อเรื่องย่อ

             เป็นเรื่องราวความรักระหว่างร้อยตรีพร้อมนายทหารหนุ่มชาวกรุงเทพฯ 

ที่ไปพบรักกับเครือฟ้า  สาวเชียงใหม่เมื่อครั้งที่ย้ายไปรับราชการที่เชียงใหม่ 

แต่เมื่อร้อยตรีพร้อมถูกย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพฯ  ก็ปรากฏว่าเขาได้พบรักใหม่

เพราะผู้ใหญ่บังคับให้แต่งงานกับสาวกรุงเทพฯ  สาวเครือฟ้าเสียใจมากจึงใช้

มีดแทงตนเองตาย


ตัวอย่าง

            โผผวาวิ่งหาคว้ามีดหมอ                ของคุณพ่อตั้งจิตอธิษฐาน

     มีดทองคร่ำคำจารึกโบราณ                   เสียชีพอย่าเสียชื่ออ่านกระจ่างตัว

     โอ้เครือฟ้าครานี้ที่สิ้นหวัง                      ขอลาโลกโศกสั่งถึงหูผัว

     เมียอาภัพดับชีวันประหวั่นรัว                   ขอลาบัวบาทหนีไป

ที่มา     วรรณกรรมรัตนโกสินทร์ยุครุ่งเรืองสูงสุด.อุทัย  ไชยานนท์

ประวัติสาวเครือฟ้า3

ร้อยตรีพร้อม นายทหารหนุ่มชาวใต้จากบางกอก ได้ขึ้นมาราชการที่นครเชียงใหม่ ในครั้งนั้นได้มาพบกับเครือฟ้า ลูกของคนเลี้ยงช้าง แล้วก็ได้ผูกสมัครรักใคร่กันขึ้น เพราะร้อยตรีพร้อมชอบให้เครือฟ้าพาไปเที่ยวป่า  จากนั้นทั้งคู่ก็แต่งงานกันตามประเพณีแล้วก็อยู่กันมาอย่างมีความสุข จนเกิดสงครามโลกครั้งที่1 ไทยเข้าร่วมรบกับฝ่ายพันธมิตร  และมีการระดมทหารอาสาไปรบที่ยุโรป ข่าวมาถึงเชียงใหม่ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ได้นำข่าวมาบอกร้อยตรีพร้อมที่บ้าน ร้อยตรีพร้อมเลยอาสาไปรบ ก่อนจากได้ร่ำลากันด้วยความรักและอาลัย เครือฟ้าร้องไห้ปิ่มว่า น้ำตาจะเป็นสายเลือด แต่ร้อยตรีพร้อมก็สัญญาว่าจะกลับมาเชียงใหม่อีก ร้อยตรีพร้อมจากไปแล้ว เครือฟ้าก็ตั้งท้อง  ร้อยตรีพร้อมไปรบที่ยุโรป ยิงเครื่องบินเยอรมันตกไปหลายลำ แต่ตัวเองก็ประสบเคราะห์กรรมเครื่องบินตกได้รับบาดเจ็บเช่นกัน พอกลับเมืองไทยก้ได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็นพันตรีหลวงณรงรักษ์ศักดิ์สงคราม แต่ก็ไม่สามารถจำอะไรในอดีตไม่ได้เลยแม้แต่เครือฟ้าและเชียงใหม่

                      

ร้อยตรีพร้อมอยู่ในการดูแลของพยาบาลสาวชาวกรุงชื่อจำปาเป็นลูกผู้ดีมีสกุลชาวบางกอก จนเกิดรักใคร่ชอบพอกันแล้วก็แต่งงานกันถูกต้องตามกฏหมาย จนถึงวันที่คุณหลวงพร้อมต้องเอาเครื่องบินไปแสดงบินที่เชียงใหม่ และพอไปก็คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยมาอยู่ที่นี่ แต่ก็โดนเมียคอยขัดขวาง เครือฟ้าก็รู้ว่าคุณหลวงพร้อมมาก็เลยไปหา แต่คุณหลวงจำไม่ได้และยังโดนจำปาไล่กับและดูหมิ่นดูแคลนต่างๆนาๆ จนเสียใจและกลับมาปาดคอตัวเองตายที่บ้าน

อ่านต่อ : http://writer.dek-d.com/foyuki/writer/viewlongc.php?id=536355&chapter=4#ixzz17ax12ZHS

ประวัติสาวเครือฟ้า2

สาวเครือฟ้า
 
 
 
สาวเครือฟ้า เป็นเรื่องราวของสาวเหนือผู้งดงามและแสนจะซื่อสัตย์ แต่กลับถูกสลัดรักจากทหารหนุ่มจากเมืองกรุง จนสุดท้ายสาวเหนือถึงกับบูชารักด้วยชีวิตเรื่อราวสาวเครือฟ้าในความคิดของคนส่วนใหญ่ คิดว่าเป็นเรื่องจริงไม่อิงนิยาย แต่ในความเป็นจริงกลับอิงนิยาย กล่าวคือดัดแปลงมาจากละครอุปรากรเรื่อง “มาดามบัตเตอร์ ฟลาย” (Madame Butterfly) ผลงานของ เกียโคโม ปุชชินี (Giacomo Puccini) คีตกวีชาวอิตาลี ซึ่งเขาเองได้เค้าโครงเรื่องมาจากนวนิยายของ จอห์น ลูเธอร์ ลอง (John Luther Long) อีกทีหนึ่ง

มาดามบัตเตอร์ฟลาย มีเนื้อเรื่องย่อว่า สาวน้อยนาม “โจโจ้ซัง” เป็นบุตรีของซามูไรข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งได้ทำฮาราคีรีเพื่อรักษาเกียรติยศ ขณะที่โจโจ้ซังอายุได้ ๑๐ ขวบ เมื่อสิ้นบิดาฐานะจึงยากจนลง เธอถูกส่งไปอยู่สำนักเกอิชาในเวลาต่อมา กระทั่งอายุได้ ๑๕ ปี เธออยู่สำนักเกอิชา ณ ท่าเรือนางาซากิ ความงดงามของโจโจ้ซังร่ำลือระบือไกล เป็นที่หมายปองของชายหนุ่มน้อยใหญ่ แม้กระทั่งเจ้าชาย “ยามาโดริ” มหาเศรษฐียังมาหลงรัก ความงดงาม ความสวยน่ารักและความอ่อนโยนนี้เองทำให้เธอได้สมญาว่า “ผีเสื้อ” แห่งนางาซากิ

ครั้งนั้น พิงเคอร์ตัน นายเรืออเมริกันได้เดินทางมากับเรือรบถึงท่านางาซากิ เขาได้พบกับโจโจ้ซัง โดยการชักนำของนายหน้าจัดหาคู่ที่ชื่อ “โกโร่” พิงเคอร์ตันกับโจโจ้ซังเกิดมีใจปฏิพัทธ์รักใคร่กัน ตกลงจะแต่งงานกัน แต่ “ชาร์ปเลส” กงสุลอเมริกันไม่เห็นด้วย เกรงว่าจะเกิดปัญหาภายหลัง เพราะโจโจ้ซังเป็นคนซื่อสัตย์ ยึดมั่นการสมรสเป็นข้อผูกพันตลอดชีวิต แต่พิงเคอร์ตัน เจ้าชู้เจ้าสำราญหาความแน่นอนไม่ค่อยได้ แต่พิงเคอร์ตันก็แต่งงานกับโจโจ้ซังจนได้ โดยไม่ฟังคำทัดทานของชาร์ปเลส ในวันแต่งงาน โจโจ้ซังประกาศสละศาสนาและความเชื่อในบรรพบุรุษ สร้างความไม่พอใจให้กับ “บอนซ์” นักบวชผู้เป็นลุง ถึงกับด่าทอ สาปแช่งต่างๆนานา พร้อมประกาศตัดสัมพันธภาพกับเธอตั้งแต่บัดนั้น

พิงเคอร์ตันอยู่กินกับโจโจซังจนโจโจ้ซังตั้งครรภ์ พิงเคอร์ตันต้องเดินทางกลับอเมริกา ก่อนกลับเขาให้สัญญาว่าจะกลับคืนมาเมื่อนก “รอบิน” ทำรังได้ ๓ ครั้ง คือ ๓ ปีนั่นเอง แต่แล้วเมื่อครบ ๓ ปี เขายังไม่กลับ มิหนำซ้ำยังแต่งงานใหม่กับหญิงอเมริกันชื่อ “เคท” ฝ่ายโจโจ้ซังกับบุตรน้อยก็ได้แต่รอคอย โดยมี “ซูซูกิ” สาวใช้คอยปลอบประโลมให้กำลังใจ

เรือรบกลับมานางาซากิอีกครั้ง พิงเคอร์ตันและเคทมาพร้อมเรือลำนั้น การกลับมาครั้งนี้เขาไม่กล้าสู้หน้าโจโจซัง เขาได้แต่ใช้ชาร์ปเลสไปบอกโจโจ้ซังว่าตนแต่งงานใหม่แล้ว และขอเอาลูกน้อยไปเลี้ยงดู เมื่อโจโจ้ซังทราบความจริง เธอเศร้าโศกเสียใจเป็นที่สุด และแล้วเธอก็หยิบมีดที่บิดาเคยใช้ทำฮาราคีรีออกมาอ่านถ้อยคำที่จารึกบนใบมีดว่า “ควรตายด้วยเกียรติ ดีกว่าอยู่โดยไร้เกียรติ” ก่อนจะจ่อมีดแทงคอตายปิดฉากรักอันแสนเศร้า

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทอดพระเนตรละครอุปรากร (โอเปร่า) เรื่องนี้ ณ เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศล เมื่อพระองค์เสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ พ.ศ.๒๔๘๐ และเมื่อเสด็จนิวัติพระนครแล้วทรงเล่าประทานให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ฟัง กรมพระนราธิปฯ จึงทรงดัดแปลงเป็นบทละครร้องโดยเปลี่ยนเป็นนิยายรักระหว่างนายทหารชาวกรุงกับสาวงามชาวเชียงใหม่ แล้วให้ชื่อเรื่องว่า “สาวเครือฟ้า” ซึ่งมีเรื่องย่อดังนี้

สาวเครือฟ้า เป็นธิดาของคนเลี้ยงช้างเชียงใหม่ มีความงดงามซื่อใสเป็นที่รักใคร่ของคนที่ได้พบเห็น ครั้งนั้นนายทหารหนุ่มจากบางกอกชื่อ “ร้อยตรีพร้อม” ขึ้นมารับราชการที่นครเชียงใหม่ เมื่อได้พบสาวเครือฟ้าก็ผูกสมัครรักกันและได้แต่งงานอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข จนสาวเครือฟ้าตั้งครรภ์ ต่อมาเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ไทยเข้าร่วมรบกับฝ่ายพันธมิตรมีการระดมทหารไปรบที่ยุโรป ร้อยตรีพร้อมได้อาสาไปร่วมรบ โดยให้สัญญากับเครือฟ้าว่าจะกลับมาในเวลาไม่นาน ร้อยตรีพร้อมไปร่วมรบอย่างกล้าหาญ เมื่อกลับเมืองไทยก็ได้รับพระราชทานเลื่อนยศเป็น “พันตรีหลวงณรงรักษ์ศักดิ์สงคราม” แต่เนื่องจากในระหว่างสนามรบ เขาได้รับบาดเจ็บจากเหตุเครื่องบินตก สมองถูกกระทบกระเทือน ความทรงจำเลอะเลือน แต่ก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากพยาบาลสาวที่ชื่อ “จำปา” ความใกล้ชิดทำให้นายทหารหนุ่มกับพยาบาลสาวรักใคร่ชอบพอกันจนได้แต่งงานกัน ด้วยความเห็นชอบของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย

ส่วนเครือฟ้ากำเนิดบุตรชื่อ “เครือณรงค์” เธอตั้งใจจดจ่อรอเวลาที่ร้อยตรีพร้อมจะกลับมาเชียงใหม่ ภรรยาจะได้เห็นหน้าสามี ลูกจะได้เห็นหน้าพ่อ และกาลเวลานั้นก็มาถึง ร้อยตรีพร้อมหรือคุณหลวงพร้อมได้รับบัญชาให้นำเครื่องบินมาบินแสดงที่เชียงใหม่ เครือฟ้าดีใจเป็นที่สุด เธออุ้มลูกน้อยไปพบคุณหลวง แต่อนิจจาคุณหลวงหรือร้อยตรีพร้อมจำเธอไม่ได้ มิหนำซ้ำยังถูกจำปาขัดขวาง ขับไล่ ดูหมิ่นดูแคลนต่าง ๆ นานา

ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความโศกสลดเสียใจสร้างความสะเทือนใจที่แสนจะหนักหน่วง เกินกว่าที่ดวงใจน้อยๆ ของสาวเครือฟ้าจะรับได้ เธอตัดสินใจหลีกทางรัก ปาดคอตายในเวลาต่อมา

นิยายรักเรื่องสาวเครือฟ้าเผยแพร่กระจายออกไป เมื่อมีการนำไปแสดงเป็นภาพยนตร์ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๖ นำแสดงโดย วิไลวรรณ วัฒนพานิช คู่กับ ชลิต สุเสวี ครั้งต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๘ นำแสดงโดย พิศมัย วิไลศักดิ์ และ มิตร ชัยบัญชา และอีกครั้ง เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๓ ใช้ชื่อเรื่องว่า “เครือฟ้า” นำแสดงโดย สุพรรษา เนื่องภิรมย์ กับ นิรุตต์ ศิริจรรยา

สนั่น ธรรมธิ
สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เเหล่งที่มา http://www.thainews70.com
 

ประวัติสาวเครือฟ้า1

โศกนาฎกรรมเรื่องราวความรักของสาวเชียงใหม่กับหนุ่มนายร้อยกรุงเทพฯ...และร้อยเรียงเรื่องราวประวัติศาสตร์ล้านนาไทย  

สาวเครือฟ้า กับร้อยตรีพร้อม (พ.ศ.2508 มิตร ชัยบัญชา และพิศมัย วิไลศักดิ์)
เรื่องย่อ สาวเครือฟ้า...เจ้า
          ร้อยตรีพร้อม นายทหารหนุ่มย้ายมารับราชการที่เชียงใหม่เกิดรักใคร่กับ เครือฟ้าหญิงช่างฟ้อนชาวเชียงใหม่ ได้เป็นสามีภรรยากันจนให้กำเนิดบุตรชื่อ เครือณรงค์ ต่อมาร้อยตรีพร้อมได้คำสั่งย้ายกลับกรุงเทพฯ ถูกผู้ใหญ่บังคับให้แต่งงานกับสาวกรุงเทพฯ  ฝ่ายเครือฟ้าเฝ้ารอสามี เมื่อได้ข่าวว่าสามีเดินทางมาเชียงใหม่ ก็ไปคอยต้อนรับด้วยความดีใจ เมื่อพบว่าร้อยตรีพร้อมแต่งงานแล้ว พร้อมกับพาภรรยามาด้วย เครือฟ้าเสียใจมาก จึงใช้มีดแทงตัวตายด้วยหัวใจที่แตกสลาย
คลิกฟังเพลงล่องแม่ปิงได้ที่นี่เน้อเจ้า ....เพลงล่องแม่ปิง
ดอกบัวตองนั้นบานอยู่บนยอดดอย
ดอกเอื้องสามปอย บ่เกยเบ่งบานบนลานพื้นดิน
ไม้ใหญ่ไพรสูง นกยูงมาอยู่กิน
เสียงซึงสะล้อ..จ๊อยซอเสียงพิณ
คู่กับแดนดินของเวียงเจียงใหม่
สาวเจ้าควรภูมิใจ บ่ลืมว่าเฮาลูกแม่ระมิงค์


 คนงามงามต้องงามคู่ความเด่นดี
ต้องฮักศักดิ์ศรีของกุลสตรีแม่ญ่าแม่ญิง
เยือกเย็นสดใส..เหมือนน้ำแม่ปิง
มั่นคงจริงใจ ฮักใครฮักจริง
สาวเอยสาวเวียงพิงค์ สาวเครือฟ้าเคยซมซาน
อีกแม่สาวบัวบาน..นั่นคือนิทานสอนใจ
       เป็นบทเพลงที่มีความเป็นอมตะ และสอดแทรกเนื้อหากินใจชาวล้านนาอย่างยิ่งกับบทเพลง ล่องแม่ปิง ที่สอนใจเกี่ยวกับเรื่องความรักศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงชาวล้านนาโดยแท้  เริ่มต้นด้วยกลิ่นอายภาคเหนือ วันนี้เนื้อหาคงหนีไม่พ้นเรื่องของภาคเหนือ โดยขอเสนอความรู้เกี่ยวกับอาณาจักรล้านนา (เชียงใหม่ และจังหวัดทางภาคเหนือบนบนในปัจจุบัน) 
สมัยล้านนา หรือเชียงแสน เริ่มต้นที่พุทธศตวรรษที่ ๑๙ – ๒๓
        ล้านนาตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนบน หมายรวมพื้นที่ ๘ จังหวัดอันได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน โดยมีเชียงใหม่เป็นศูนย์กลาง “ล้านนา” หมายถึง พื้นที่กว้างใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ มีผืนนามากมายนับได้เป็นล้านแปลง มีความหมายตรงกับคำในภาษาบาลีว่า เขตฺตทสฺลกฺข ที่ปรากฏในเอกสารตำนานพระเจ้าเจื๋องและคำว่า ทศลักษณ์เกษตร ซึ่งเป็นคำท้ายพระนามพระเจ้ากาวิโรรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ทั้งสองคำแปลว่า สิบแสนนา หรือ ล้านนา
ประวัติศาสตร์สมัยล้านนา
       ชื่อ“ล้านนา” เชื่อกันว่าคู่มากับชื่อ “ล้านช้าง” (หรือที่รู้จักกันดีว่าหมายถึงประเทศลาว) ด้วยปรากฏชื่อทั้งสองจารอยู่ในศิลาจาลึก ของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ลาวเมื่อประมาณพ.ศ. ๒๐๙๖ นอกจากนี้ “ล้านนา” ยังมีความหมายสอดคล้องกับระบบการปกครองภาคเหนือสมัยนั้นที่ใช้จำนวนนากำหนดฐานะความสำคัญของเมือง เช่น พันนา แสนนา สิบสองพันนา เป็นต้น         ความเป็นมาของดินแดนล้านนาพบว่าเคยมีร่องรอยมนุษย์อยู่อาศัยมาก่อนตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคหินเก่า หินกลาง หินใหม่และยุคโลหะ ตามลำดับ หลักฐานทางโบราณคดีพบว่าคนก่อนประวัติศาสตร์เหล่านี้อาศัยอยู่ตามที่ราบลอนลูกคลื่น ที่ราบริมน้ำ รวมทั้งบนที่สูงตามสันเขาและตามถ้ำในเขตจังหวัดต่างๆเช่นแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปางและน่าน มีพัฒนาการทางเทคโนโลยีตั้งแต่รู้จักการทำเครื่องมือหินกระเทาะ เครื่องมือหินขัด เครื่องมือโลหะ เครื่องประดับที่ทำมาจากโลหะหรือแก้วและหินมีค่า นอกจากนี้ยังรู้จักทำเครื่องปั้นดินเผาตลอดจนมีพิธีกรรมการฝังศพ และรู้จักการเกษตรกรรมปลูกข้าวที่เก่าที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค
        จากหลักฐานดังกล่าวทำให้เราพอทราบเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์บ้างแต่เรื่องราวเมื่อเริ่มเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์แรกก่อร่างสร้างเมืองของดินแดนแถบนี้นั้น ปัจจุบันยังไม่สามารถกำหนดว่าเริ่มเมื่อใดแน่ การสืบค้นมักได้จากตำนานต่างๆที่คนสมัยหลังเขียนเล่าไว้เช่น ตำนานพระนางจามเวที  ชินกาลมาลีปกรณ์ และ ตำนานมูลศาสนาเป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการสถาปนาพุทธศาสนาและกำเนิดความเก่าแก่ของท้องถิ่นโดยเล่าย้อนประวัติของเมืองและผู้นำขึ้นไปถึงสมัยพุทธกาล แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่พบหลักฐานศาสนสถานหรือศาสนวัตถุตามที่กล่าวนั้นสนับสนุนได้ หลักฐานการก่อร่างสร้างเมืองมาปรากฏแน่ชัดเริ่มเมื่อราว
        ในปีพ.ศ. ๑๙๘๕ ล้านนาได้มีกษัตริย์ที่มีอำนาจมากอีกพระองค์หนึ่งคือ  พระเจ้าติโลกราช (พ.ศ.๑๙๘๕-๒๐๓๐) ล้านนาสมัยนี้เจริญรุ่งเรืองทุกด้าน และโดยเฉพาะทางด้านการเมือง การศาสนา วรรณกรรมและศิลปกรรม ทรงตีได้เมืองแพร่ เมืองน่าน ทรงขยายอาณาเขตทางทิศเหนือถึงแคว้นไทยใหญ่ ทิศใต้จดเมืองตาก เมืองศรีสัชนาลัย ทิศตะวันออกจดแม่น้ำโขง แคว้นล้านช้างและเมืองเชียงรุ้งสิบสิงปันนา ทิศตะวันตกจดเเม่น้ำสาละวินเมืองมอญและพม่า ถือได้ว่าเป็นยุคทองของล้านนาโดยแท้ ทรงโปรดให้มีการสังคยนาพระไตรปิฎกเป็นครั้งที่ ๘ในพระศาสนาและโปรดให้สร้างรวมทั้งปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่างๆอีกมากมาย
        
       กษัตริย์องค์ต่อๆมาก็ยังคงทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าเช่น พระเมืองแก้ว (พ.ศ. ๒๐๓๘-๒๐๖๘) ทรงโปรดให้สร้างกำแพงเมืองเชียงใหม่ เป็นต้น แต่นับตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๐๖๙ เป็นต้นมา ล้านนาก็เริ่มเสื่อมอำนาจลง และได้ตกอยู่ใต้อำนาจของพม่าในรัชกาลพระเจ้าเมกุฏิตั้งแต่พ.ศ. ๒๑๐๑ และต่อเนื่องมาอีก ๒๐๐ ปีโดยมีช่วงเวลาสั้นๆอยู่ใต้อำนาจของกรุงศรีอยุธยา จนพ.ศ. ๒๓๑๗ พระเจ้ากรุงธนบุรี จึงทรงยึดเมืองเชียงใหม่เข้ากับพระราชอาณาจักรสยามได้ นับระยะเวลา ราชวงค์มังรายปกครองล้านนารวม ๒๖๒ ปี

วันที่8 ธันวาคม พ.ศ.2553